
ค ว า ยไถนาแต่หม าได้นอนกินข้าว (ข้อคิดเขียนไว้ดีมาก)
วันนี้เรามีข้อคิดดีๆ ที่อยากให้ทุกคนได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องของ
ควายและหมาที่สะท้อนให้เห็นว่า สังคมการทำงาน ที่เป็นอยู่ในทุกยุคสมัยคนที่เสนอหน้านั้น
มักได้ดีกว่าคนทำงานเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมควายที่ไถนา อาหารที่ได้กินจึงไม่ใช่ข้าว
แต่หมาที่ไม่ได้ออกแรงทำนา กลับได้กินข้าว อย่างอิ่มหนำสำราญ ลองมาฟังเรื่องเล่า
ควายทำนาหมากินข้าว แล้วคุณจะเข้าใจเหตุผลว่า เป็นเพราะอะไร ชาวนาสมัยก่อนใช้ควายไถนา
เพื่อเพาะปลูกข้าว ชาวนาได้เลี้ยงสัต ว์ 2 ตัว คือ ควายกับหมาในแต่ละวัน สัต ว์ทั้งสองตัว
จะมีหน้าที่คือการออกไปทำนา ตั้งแต่เช้าตรู่โดยพอถึงเวลาใกล้เที่ยง ชาวนาจะออกไปตรวจ ดูความเรียบร้อย
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ควายและหมาออกไปทำนาแต่เช้าตามปกติ โดยที่ควายจะเป็นคนไถนา
ทำนาอย่างขยันขันแข็งเดินไถนาวนไปมา ไถจนหมด ควายก็ทั้งเหนื่อยและหมดแรง จึงไปอาบน้ำล้างตัวและนอนพักใต้ต้นไม้ใหญ่
ส่วนหมามาถึงที่นา ก็เอาแต่นอน พอเห็นว่าใกล้จะเที่ยงเป็นเวลาที่ชาวนาจะมาตรวจงาน ก็รีบลุกออกไป
เดินย่ำบนผืนนา ที่ควายได้ไถ พรวนไว้จนทั่วทำให้ท้องนา มีแต่รอยเท้าหมา เมื่อชาวนามาถึง
หมาก็รีบวิ่งไปหา ด้วยเนื้อตัวที่เปื้อนไปด้วยโคลนและบอกว่า ตนได้ไถนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดชาวนาชื่นชม มาเป็นการใหญ่ แต่พอชาวนามองไปเห็นควาย(นอนหลับอย่างสบายใจใต้ต้นไม้ใหญ่)
ก็รู้สึกโมโหจึงเข้าไปต่อว่า “เจ้ามันขี้เกียจ ไม่สมควรได้กินข้าวต่อจากนี้ไป
ให้ไปกินหญ้าแทนข้าวและลงโ ท ษด้วยการให้นอนในคอกที่ชื้นแฉะ
ส่วนหมา“เจ้าขยันขันแข็งช่วยคนทำนาต่อจากนี้ให้กินอยู่แบบเดียว กับคนนอนในบ้าน ที่อบอุ่น”
นี่แหละคือสาเหตุ ที่ทำไมควายถึงกินหญ้าและหมาได้กินข้าว
ในยุคปัจจุบัน หากเปรียบกับการทำงาน เชื่อว่าหลายคน คงพบเจอ คนประเภทเดียวกับหมา
ที่ชอบทำงานเอาหน้า ชอบประจบเจ้านาย ชอบพูดมากกว่าลงมือทำทำให้มักจะได้รับคำชื่นชม
หรือการได้รับการเลื่อนขั้นได้ดีกว่าได้รับเงิ นเดือนมากกว่า คนที่ทำงานหนัก แต่ก็เช่นกัน
มีอีกหลายคนที่ทำงานหนักมาก ซื่อสัตย์กับงานที่ทำ เช่น เดียวกันกับควาย
ก้มหน้า ก้มตา ทำหน้าที่ของตนเอง โดยไม่ได้คิด เรื่องการเสนอผลงานหรือแสดงความสามารถ
ที่ตนมีออกมา ให้คนอื่นได้เห็นจึงมักถูกเอาเปรียบ อยู่เป็นประจำ และถูกมองว่าเป็นคนขี้เกียจอยู่เสมอ