Home Uncategorized แม่ขิ้เกียจ ไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวัน แต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย

แม่ขิ้เกียจ ไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวัน แต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย

แม่ขิ้เกียจ ไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวัน แต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย

แม่-พ่อหลายๆ คน ชอบช่วยเหลือลูกอยู่ตลอดเวลา เพราะเกรงว่า

ลูกจะทำอะไร ได้ไม่ ดี พอ แต่รู้ไหม….3 ข้อนี้

ถ้าแม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หรือว่ามีส่วนช่วยเหลือลูกๆ น้อยที่สุด

จะเป็นผลดีกับลูกมากเลย

1 : สอนให้ลูก รู้จักพึ่งพาตัวเอง

คุณแม่ท่านหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ว่า…. เธอจะไม่เข้าไปช่วยลูก

ในสิ่งที่พวกเขาทำได้เอง เช่น เมื่อห้องนอนของลูกไม่เป็นระเบียบ แม่จะเตื อ นว่า

ควรจัดห้องยังไงเพื่อให้เป็นระเบียบ และจะให้ลูกทำเองในช่วงเปิดภาคเรียน

คุณครูขอให้นักเรียนห่อปกหนังสือเรียนเล่มใหม่ของเทอมนี้

แต่ลุกทำไม่เป็น แม่จึงสอนลูกห่อเป็นตัวอย่าง จากนั้น

ก็ปล่อยให้ลูกได้ทำเองทั้งหมด ลูกไม่อย ากห่อเอง จึงไม่ยอมขยับมือ

แม่ก็ไม่สนใจอะไรเธอได้แต่ยืนอยู่ข้างๆพร้อมชี้นิ้วบอกให้ทำแต่ไม่เข้าไปช่วยห่อ

ทำให้ลูกต้องนั่งห่อเองทั้งหมด แม่พูดว่า….

ความจริงถ้าฉันจะเข้าไปช่วยห่ อ จะประหยัดเวลาได้มากเลยล่ะ

แต่ลูกจะไม่มีวันเรียนรู้ ที่ห่อปกหนังสือได้ด้วยตัวเอง ฉะนั้น

นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดคือ ปล่อยให้เจียเจียห่อเอง ถึงจะห่อไม่เรียบร้อยก็เถอะ

ประสบการณ์ของครูพบว่า : แม่ขิ้เกีย จ ไม่เคยขยันหมั่นเพียรในการช่วยลูก

ในการทำสิ่งต่าง ๆ แต่ให้ลูกได้พึ่งพาอาศัยตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองได้

และไม่เฉยเมยต่อการฝึกฝน คือ การสร้างความรับผิ ด ชอบให้กับลูกได้เป็นอย่างดี

2 : ไม่เข้าไปช่วยลูก ทำการบ้าน

มีคุณแม่ท่านหนึ่งเล่าประสบการณ์ว่า….ตนเองไม่เคยไปสอนการบ้านให้ลูกชาย

แม่จะเตื อ นลูกมากกว่าว่า….เวลาไหนควรไปทำการบ้านเมื่อทำเสร็จแล้ว

ก็บอกแม่คำหนึ่งก็พอส่วนการตร ว จว่าลูกชายทำถูกหรือไม่นั้น

เป็นหน้าที่ของตัวเขาเองหรือ ให้เรียนรู้ว่าถูก ผิ ด จากที่โรงเรียน

แม่มีหน้าที่เพียงเซ็นชื่อก็แค่นั้นในตอนแรกลูกชายไม่พอใจ

โดยพูดว่า….“แม่ของคนอื่นจะช่วยตร ว จ การบ้านให้ด้วย ทำไมแม่ ขิ้ เ กี ยจแบบนี้ล่ะ”

เลยตอบลูกชายไปว่า.. “ไม่ใช่เพราะแม่ขิ้เกีย จ หรอก ลูกคิดดูนะ

ถ้าแม่ช่วยลูกตรว จ การบ้านแล้ว ลูกจะรู้ได้อย่างไรว่าผิ ด ตรงไหน แล้วต่อไป

ลูกจะตร ว จ เองเป็นไหม จำไว้นะว่า….

ในตอนนั้น ไม่มีใครสามารถมาช่วยลูกตรว จได้ ลูกจะได้ฝึกการตร ว จ ความถูกต้องและเรียนรู้ด้วยตนเอง”

ในห้องเรียนลูกจะเจอบทเรียนก่อนและจึงจะได้ทำข้อส อ บ

แต่ในโลกแห่งความจริง ลูกจะได้เจอบททดสอบก่อน

แล้วถึงจะได้บทเรียน นี่คือ สิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ เธอสอนให้ลูกรู้จักพึ่งตนเอง

เมื่อเจอปัญหาก็ต้องคิดใคร่ครวญด้วยตัวเอง ถ้าคิดไม่ออกจริงๆ

ค่อยขอคำแนะนำจากแม่ได้

ประสบการณ์ของครูพบว่า : แม่ขิ้เกี ยจไม่เคยชี้นำลูกให้เรียนรู้

แต่ปล่อยให้ลูกทำอย่าง อิสระ คิดอย่างอิสระ แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เธอยังให้ความสนใจกับลูก

และใช้วิธีการที่ชาญฉลาดเพื่อช่วย เมื่อลูกมีปัญหา มันสอนให้รู้ว่า….

ผู้ปกครองควรที่จะปล่อยลูกของตนเองบ้าง ในเวลาอันสมควร ให้เขาได้เรียนรู้และใช้ชีวิตของตนเองอย่างเต็มที่

สิ่งที่ตัวอย่างแม่ๆ ทั้งหลายทำนั้น มันเป็นวิธีในการปลูกฝั งลูกได้ดีมาก เพื่อให้เขาสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง

พ่อแม่ทุกคนมักจะกังวลกับลูก จนไม่กล้าปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง

“คุณควรเอาความกังวลเก็บไว้ในใจและปล่อย ให้เขาโบยบินไปด้วยวิธีของเขาเถิด

เพื่อให้เขามีปีกที่แข็งแร งพอ ให้เขาอยู่ได้ด้วยตัวเองในวันที่ไม่มีคุณแล้ว”

3 : ให้ลูกเรียนรู้ ที่จะเติบโตด้วยตัวเอง

แม่-พ่อหลายคนชอบสร้างความคาดหวังในตัวลูกมากไป

อย ากให้ลูกทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพราะคิดว่า

มันเป็นสิ่งที่ดี แต่การทำเช่นนี้ จะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด และกลายเป็นไม่อย ากฟัง

และทำเป็นหูทวนลมไม่ใส่ใจกับสิ่งที่พ่อแม่พูดเลย

แต่….มีครอบครัวหนึ่ง

ที่กลับทำตรงกันข้ามเลยในช่วงสุดสัปดาห์ฮาวฮาวเล่ น เ ก มเป็นเวลานานมาก

และไม่ทำการบ้าน แม่จึงถามว่า “ลูกกะจะเล่น เ ก ม ถึงกี่โมง”

ฮาวฮาวตอบว่า “ขอเล่นอีก 10 นาทีนะแม่” แม่ตอบกลับไปว่า “ได้ ต้องรักษาคำพูดนะ”

เมื่อผ่านไป 10 นาทีแม่ก็เดินกลับมาดูอีก ฮาวฮาวก็ยังคงนั่งเล่นอยู่ที่เดิมแม่ โ ก ร ธ มาก

แต่ก็ต้องสงบสติ อารมณ์และพูดอย่างใจเย็นว่า….

“ปกติลูกเป็นคนรักษาคำพูดไม่ใช่เหรอ” ในตอนนั้นฮาวฮาวก็เริ่มรู้สึก ผิ ด

จากนั้นก็เดินไปปิดสวิทช์และรีบไปทำการบ้าน นั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้น

แม่ของฮาวฮาวเคยพูดหลายรอบเกี่ยวกับ นิทานเรื่อง “การเป็นคนน่าเชื่อถือ”

และนั้นก็ทำให้ฮาวฮาวค่อยซึมซับเข้าไป ปกติแม่จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญ

ในเรื่องการอ่ านหนังสือเป็นอย่างมากจึงได้ซื้อนิทานสร้างแร งบันดาลใจให้อ่ านมากมาย

และจากนิทานเหล่านี้ ทำให้ฮาวฮาวเรียนรู้ที่จะนำมาใช้กับตัวเอง เสริมสร้าง

นิสัยของตนเอง อดทน อดกลั้น ทำให้ตนเองเป็นคนที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น

ประสบการณ์ของครูพบว่า แม่ขิ้เกียจไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวันแต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย

เพราะเธอรู้ดีว่า ลูกไม่ช อ บ การบ่น แต่เธอขยันในการหาวิธี ในการรับมือเพื่อปลูกฝั งสิ่งที่ดีให้กับลูก

ที่มา cha yend

เป็นยังไงกันบ้างกับเรื่องราวและข่าวสารกออมสิน ที่นำมาให้อ่านกันในวันนี้หวังว่าคงจะเป็นสาระข่าว

ที่เป็นประโยชน์ต่อท่าน ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ถ้ามีความผิดพลาดประการใด

ขออภัยไว้ณที่นี้ด้วยทางเราจะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไปฝากเป็นกำลังใจ

ให้ทีมงานเรา โดยการกดไลค์และแชร์ถ้าข้อมูลข่าวสารนี้ถูกใจท่าน

Facebook Comments